Ozone Therapy
โอโซนบำบัด ( Ozone Therapy )
การบำบัดด้วย Oxygen Booster ( Ozone Therapy ) เริ่มจากการใช้โอโซนในการฆ่าเชื้อและทำความสะอาดห้องผ่าตัด ตลอดจนฆ่าเชื้อโรคในน้ำดื่ม ต่อมาได้มีการนำมาประยุกต์ใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ โดยพบว่าการรักษาได้ผลดี จึงพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนเกิดการบำบัดด้วยโอโซนในปัจจุบัน ซึ่งมีวิธีการแตกต่างกันหลายวิธี ในการนำเอาโอโซนเข้าร่างกายเพื่อการบำบัด
การบำบัดด้วยโอโซนนั้นใช้ประโยชน์จากลักษณะโครงสร้างที่ไม่เสถียรของตัวโอโซน ซึ่งประกอบไปด้วยโมเลกุลของออกซิเจนจำนวน 3 อะตอม โดยเครื่องกำเนิดโอโซนจะแปลงออกซิเจนบริสุทธิ์ ซึ่งประกอบด้วยโมเลกุลออกซิเจนจำนวน 2 อะตอม จากแหล่งกำเนิดให้กลายเป็นโอโซน เมื่อโมเลกุลของโอโซนผสมกับเลือดจากผู้รับการบำบัดในร่างกายแล้วโมเลกุลของโอโซนจะเกิดการแตกตัวออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
O2 (ออกซิเจนบริสุทธิ์) ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานให้กับเซลล์
O (Singlet Oxygen หรือออกซิเจนอะตอมเดี่ยว) ซึ่งไม่เสถียร โดยออกซิเจนโมเลกุลเดี่ยวจะวิ่งไปจับกับโมเลกุลต่างๆ ในเนื้อเยื่อและกระแสโลหิต ทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น
Oxygen Booster ( Ozone Therapy ) มีประโยชน์อย่างไร?
-
ช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น โดยโอโซนช่วยลดการเกาะกลุ่มของเม็ดเลือดแดง ลดความหนืดของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก นอกจากนี้ ยังช่วยให้เม็ดเลือดแดงปล่อยออกซิเจนไปให้เนื้อเยื่อที่ไปเลี้ยงได้เป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างทั่วถึง
-
ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน โดยทำให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ที่ไม่สบายจากการติดเชื้อฟื้นตัวเร็ว
-
ช่วยปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันที่ไวเกิน จึงช่วยลดอาการภูมิแพ้และโรคออโตอิมมูน
-
ช่วยกระตุ้นการหลั่งโกรทแฟคเตอร์ (Growth Factors) จากเกล็ดเลือด เพื่อช่วยซ่อมแซมร่างกายและทำให้ดูอ่อนเยาว์
-
ทำให้โปรตีนชนิดหนึ่งเพิ่มระดับสูงขึ้น (เป็นโปรตีนชนิดที่จำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกัน) มีผลยับยั้งการแพร่ขยายของไวรัสในร่างกาย
-
Oxygen Booster ( Ozone Therapy ) ช่วยกระตุ้นการสร้างสารเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง (Tumor Necrosis Factor,TNF) ซึ่งโดยปกติร่างกายจะสร้างเมื่อพบเซลล์มะเร็ง โดย Ozone จะกระตุ้นการหลั่ง Interluekin-2 (IL-2) ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งในระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกสร้างจาก T-helpers cell ต่างๆ เพื่อที่จะบ่งบอกให้เม็ดเลือดขาวทราบถึงความแตกต่างของเซลล์ปกติกับเซลล์มะเร็ง
-
Oxygen Booster สามารถฆ่าแบคทีเรียได้ดีแม้ในความเข้มข้นที่ต่ำนอกจาก Oxygen Booster จะกำจัดไวรัสได้หลายวิธีตามที่กล่าวข้างต้น ยังสามารถกำจัดไวรัสได้ดีโดยการสัมผัสโดยตรงอีกด้วย
-
Oxygen Booster เป็น Antineoplastic หมายความว่า Ozone จะขัดขวางการแบ่งเซลล์อย่างรวดเร็วของเนื้อเยื่อ เพราะเซลล์ต้องสร้าง enzyme เพื่อป้องกันตัวเองจาก Ozone ดังนั้นการเจริญของมะเร็งจะถูกขัดขวางด้วย Ozone
-
Ozone สามารถลดการอุดตันของเส้นเลือดได้ดีที่เส้นเลือดขนาดใหญ่หรือเส้นเลือดฝอย ทำให้การนำสารอาหารและโอโซน เข้าถึงเซลล์ต่าง ๆ ได้สะดวก
-
Oxygen Booster ทำให้ระบบ Enzyme Antioxidant มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โอโซนบำบัดเหมาะกับใครบ้าง?
-
ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดหรือมีภาวะติดเชื้อ
-
ผู้ป่วยโรคตับอักเสบ เริม งูสวัด
-
ผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยโอโซนอะตอมเดี่ยวจะไปเกาะกับผิวของเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งถูกกำจัดไปโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
-
ผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้ ลมพิษ หอบหืด
-
ผู้ป่วยโรคภูมิเพี้ยน SLE รูห์มาตอยด์ สะเก็ดเงิน
-
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต รวมทั้งผู้ป่วยโรคลมปัจจุบัน (Stroke) และผู้ป่วยพาร์คินสันที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่เพียงพอ
-
ผู้ที่มีปัญหาแผลเรื้อรัง เช่น แผลเบาหวาน แผลกดทับในผู้ป่วยที่ต้องนอนนิ่งๆ เป็นเวลานาน โรคที่เกี่ยวกับเชื้อราต่างๆ และอีกมากมาย
ผลลัพธ์ที่ได้และระยะเวลา
การทำโอโซนบำบัด จะช่วยกระตุ้นร่างกายทำให้ร่างกายแข็งแรงแบบสะสมคล้ายการออกกำลังกาย ซึ่งการทำโอโซนบำบัดครั้งแรก ๆ อาจจะยังไม่เห็นผลในการรักษาชัดเจน แต่เมื่อทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ผลการรักษาจะเพิ่มมากขึ้น คล้ายกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรง โดยทั่วไปแนะนำทำ 10 ครั้ง ห่างกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่คนที่มีปัญหาสุขภาพแพทย์อาจสั่งให้ทำมากกว่าและถี่กว่านี้ได้ ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ หลังจากครบ 10 ครั้งแล้ว แนะนำให้ทำต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้ง ไปเรื่อยๆ หรือทำปีละ 10 ครั้ง เพื่อเป็นการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โอโซนบำบัดทางเป็นการกระตุ้นร่างกายคล้ายการออกกำลังกาย สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง ดังนั้น การหยุดออกกำลังกายหรือการหยุดการทำโอโซนบำบัดทางหลอดเลือดดำ จึงไม่มีผลทำให้ร่างกายแย่ลงกว่าเดิมแต่อย่างใด
โอโซนบำบัด – ( Ozone Therapy ) มีอาการข้างเคียงหรือไม่?
การทำโอโซนบำบัดอาจมีอาการเวียนศีรษะเกิดขึ้นหลังทำได้ เนื่องจากบางร่างกายยังไม่เคยชินกับการกระตุ้นด้วยโอโซน ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นในช่วงการทำ 1 – 2 ครั้ง และจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อทำในครั้งถัดไป
การเกิดรอยจ้ำเลือดบริเวณที่แทงเข็มกินมากขึ้นหรือหิวบ่อย เนื่องจากโอโซนกระตุ้นระบบการเผาพลาญในร่างกาย
ข้อควรระวัง
ในการบำบัดด้วย Oxygen Booster ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญ ในการควบคุมระดับความเข้มข้นและระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบำบัด แต่หากใช้อย่างไม่ถูกต้องหรือไม่ผ่านคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่ได้มาตรฐาน ก็อาจก่อให้เกิดอาการต่างๆ ได้ ดังนี้
-
ปอดอักเสบหรือปอดมีประสิทธิภาพน้อยลง
-
มีปัญหาหอบหืด
-
ระคายเคืองคอ ไอ
-
เจ็บหน้าอกหายใจไม่ออก
-
ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
-
เสียชีวิต